มกท. หน่วยงานรับรองไทย มาตรฐานสากล
การพัฒนาระยะที่่่่ 1

กลุ่มผู้บุกเบิกรุ่นแรกประกอบด้วย กลุ่มเกษตรกร เครือข่ายเกษตรกรรมยั่งยืน (Alternative Agriculture Network: AAN) ตัวแทนสื่อมวลชน นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นักวิชาการและผู้บริโภค
ภารกิจแรกของ มกท. ในปี 2539 คือ การจัดทำ "มาตรฐานเกษตรทางเลือก" แต่ต่อมาได้พิจารณาว่า ยังไม่เกิดความปลอดภัยจากสารเคมีเกษตรอย่างแท้จริง เนื่องจากมาตรฐานยังไม่ครอบคลุมสารเคมีการเกษตรอันตรายในการผลิตทุกขั้นตอน ในปีต่อมาจึงได้มีการแก้ไขปรับปรุงใหม่ โดยเทียบเคียงกับมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของต่างประเทศ และเปลี่ยนชื่อเป็น "มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ มกท. 2001" เป็นครั้งแรก
การพัฒนาระยะที่ 2


ในปี 2546 มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ มกท. ยังได้รับการยอมรับจาก

ได้รับการยอมรับจากผู้ซื้อหรือผู้บริโภคที่อยู่ในกลุ่มประเทศยุโรป
ในปี 2548 มกท. ก็ได้รับการยอมรับ (Recognition) จากรัฐควีเบค ประเทศแคนาดาเพิ่มขึ้นอีก ทำให้ผลผลิตอินทรีย์ของสมาชิกได้รับการยอมรับของผู้ซื้อในรัฐควีเบคด้วย และในปีเดียวกัน มกท. ก็ได้รับการรับรองระบบการดำเนินงานตามการรับรองของ IFOAM (พืชอินทรีย์) จาก "สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและิอาหารแห่งชาติ (มกอช.)" กระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตรของไทย เป็นองค์กรแรก
การพัฒนาระยะที่ 3
กระบวนการเกษตรอินทรีย์ในโลกได้ขับเคลื่อนไปอย่างต่อเนื่อง กระแสตอบรับของผู้บริโภคผลิตผล/ผลิตภัณฑ์อินทรีย์ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน ดังนั้นเพื่ออำนวยความสะดวก รวดเร็ว และประหยัดต้นทุนให้แก่สมาชิกผูู้้ประกอบการของ มกท. ที่ต้องการส่งออก มกท. จึงริเริ่มโครงการ "One Stop Service"

กลุ่มประเทศผู้ซื้อหลายประเทศได้เริ่มออกกฎหมายควบคุมการนำเข้าสินค้าเกษตรอินทรีย์เข้มงวดมากขึ้น เช่น กลุ่มประชาคมยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และแคนาดา เป็นต้น โดยกำหนดให้สินค้าเกษตรอินทรีย์จะต้องผ่านการรับรองจากหน่วยรับรองที่ได้รับการยอมรับจากประเทศเหล่านี้เท่านั้น
ดังนั้น มกท. จึงดำเนินการสมัครขอขึ้นทะเบียนโดยตรงกับสหภาพยุโรป และประเทศแคนาดาอีกทางหนึ่งด้วย และขณะนี้ มกท. ได้รับการขึ้นทะเบียนที่ประเทศแคนาดาแล้ว
------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น